เข้าหน้าฝนทีไร พอมีฝนตกหนักทำให้น้ำระบายออกจากท้องถนนไม่ทัน สิ่งที่ตามมาก็คือ น้ำท่วม ถ้าหากคุณจำเป็นต้องขับรถเพื่อลุยน้ำท่วมจริงๆ ควรขับอย่างไรให้ปลอดภัยและลดความเสี่ยงที่จะเกิดเครื่องยนต์ดับระหว่างการเดินทางมีวิธีดีๆ มาแนะนำกัน
สังเกตระดับความของน้ำ
ถ้าหากขับไปแล้วเจอฝนตกหนัก ถนนหนทางเริ่มมีน้ำท่วมขัง ก่อนจะขับรถลุยต่อไปควรประเมินความลึกของระดับน้ำที่ท่วมกันก่อน ระดับที่ปลอดภัยคือ ไม่ควรท่วมเกิน 30 เซนติเมตร โดยดูจากระดับความสูงของน้ำกับฟุตบาทข้างทาง ฟุตบาทตามปกติจะมีความสูงอยู่ที่ 10 - 20 เซนติเมตร ถ้าน้ำท่วมเลยระดับฟุตบาทแนะนำให้เลี่ยงเส้นทางนั้นจะปลอดภัยกว่า หรือดูจากระดับน้ำท่วมที่ล้อรถ ถ้าหากท่วมประมาณครึ่งล้อยังพอลุยต่อได้ แต่ถ้าท่วมถึงระดับขอบประตู ไม่แนะนำให้ลุยเพราะน้ำอาจเข้าห้องโดยสารอาจทำให้ระบบไฟช็อตและเครื่องอาจดับได้
เลือกเลนขับเวลาเจอน้ำท่วม
หลีกเลี่ยงเลนที่น้ำท่วมสูง โดยเบี่ยงรถเข้าหาเลนที่มีน้ำระดับต่ำ จะช่วยลดความเสี่ยงน้ำเข้าเครื่องยนต์ได้มากกว่า
ชะลอความเร็วก่อนถึงจุดน้ำท่วม
หากจำเป็นต้องขับรถลุยน้ำ ขอให้ชะลอความเร็ว เพราะถ้าขับด้วยความเร็วสูง รถอาจเสียการทรงตัวได้ เวลาขับควรใช้ความเร็วต่ำที่สุดและสม่ำเสมอ เลี้ยงรอบให้นิ่งที่สุดประมาณ 1,500 – 2,000 รอบต่อนาที เกียร์ธรรมดา ควรใช้ประมาณเกียร์ 2 ส่วนเกียร์ออโต้ควรใช้เกียร์ L
ปิดแอร์รถยนต์ทันที เมื่อเจอน้ำท่วม
ปิดแอร์รถจะช่วยลดระดับน้ำที่กระจายเข้าห้องเครื่องได้ถึงครึ่งเลยทีเดียว เพราะพัดลมแอร์จะพัดน้ำเข้าไปในเครื่องทำให้มีโอกาสน็อกได้ และควรระวังขยะที่ลอยมากับน้ำจะเข้าไปติดมอเตอร์พัดลม อาจทำให้ระบบระบายความร้อนในเครื่องยนต์พังได้เช่นกัน
ลดความเร็วลงอีก เมื่อต้องขับรถสวนทางกัน
แรงปะทะจากรถที่สวนมาจะทำให้เกิดคลื่นชนกัน น้ำจะสูงขึ้นกว่าเดิม ทำให้น้ำอาจกระฉอกเข้ามาเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้าเสียหายได้
รักษาระยะเบรกให้มากกว่าเดิม 2-3 เท่า
เมื่อขับรถลุยน้ำประสิทธิภาพของผ้าเบรกจะลดลง ทำให้เบรกไม่ค่อยอยู่ เพื่อความปลอดภัยควรรักษาระยะห่างระหว่างรถให้มากกว่าเดิม 2-3 เท่า จึงจะปลอดภัย
ไม่ควรดับเครื่องยนต์ทันที เมื่อถึงจุดหมาย
ควรจอดรถทิ้งไว้สักครู่ เพื่อให้น้ำที่อาจตกค้างอยู่ในหม้อพักท่อไอเสียระเหยออกมาให้หมด
ควรย้ำเบรก หรือ คลัตช์ เพื่อไล่น้ำ
รถเกียร์ออโต้ ควรย้ำเบรกเพื่อไล่น้ำออกจากระบบเบรก ส่วนรถเกียร์ธรรมดา ควรย้ำคลัตช์ เพื่อป้องกันคลัตช์ลื่น
ถ้าเกิดโชคร้ายเครื่องยนต์ดับ อย่าสตาร์ทรถใหม่
หารถลาก หรือ พยายามเข็นรถให้พ้นจากระดับน้ำที่สูงไปก่อน โดยระดับน้ำควรสูงไม่เกินครึ่งล้อรถยนต์จึงจะปลอดภัย เพราะถ้าหากสตาร์ทรถใหม่ตรงบริเวณน้ำท่วมสูง จะยิ่งทำให้น้ำเข้าเครื่องยนต์และระบบไฟฟ้า ทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้น
เพียงแต่นี้คุณก็สามารถขับรถลุยน้ำท่วมได้อย่างปลอดภัย ไม่เสี่ยงเจอเครื่องดับกลางทาง ที่สำคัญ ถ้าหากยังพบอาการผิดปกติของระบบเครื่องยนต์ ระบบไฟฟ้า หรือระบบเบรก หลังจากลุยน้ำท่วม ควรรีบนำรถเข้าศูนย์บริการจะดีกว่าเพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ของตัวคุณเอง
5-10 ซม. ยังขับรถผ่านได้
10-20 ซม. ยังปลอดภัย แต่อาจได้ยินเสียงน้ำใต้ท้องรถ และมีเสียงคลื่นเวลาขับสวนกัน
20-40 ซม. เริ่มมีความเสี่ยงสำหรับรถอีโก่คาร์กระบะยังผ่านได้
40-60 ซม. รถเก้งควรเลี่ยงควรปิดแอร์ขณะขับ
60-80 ซม. ไม่ควรขับ อันตรายต้องรถบันทุกประเภท
เกิน 80 ซม. ระดับน้ำสูงสุดรถยนต์ทุกประเภทไม่สามารถจราจรไปได้
ทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีการเบื้องต้น และลดโอกาสที่จะเกิดปัญหาต่างที่คาดไม่ถึงกับรถของท่านหากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับรถยนต์หรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อศูนย์บริการข้อมูลลูกค้า โทร. 043-333-444 เบอร์ติดต่อศูนย์บริการโตโยต้าแก่นนคร
หรือทักมาที่เพจ Facebook / LINE Ads : @TOYOTAKAENNAKORN