เจ้าของรถหลายคนอาจเคยสงสัยว่า ซื้อ พ.ร.บ. รถยนต์ แล้ว ยังต้องซื้อ ประกันรถยนต์ อีกทำไม? เพราะดูเหมือนเป็นค่าใช้จ่ายที่ซ้ำซ้อน แต่จริง ๆ แล้วทั้งสองอย่างนี้แตกต่างกัน และมีสำคัญในแบบของตัวเอง วันนี้น้องเต็มใจจะพามาไขข้อสงสัยแบบเข้าใจง่าย ๆ พร้อมเหตุผลว่า ทำไมเจ้าของรถต้องมีทั้ง พ.ร.บ. รถยนต์ และ ประกันรถยนต์
พ.ร.บ.รถยนต์ คืออะไร?
พ.ร.บ.รถยนต์ (ประกันภัยภาคบังคับ) เป็นกฎหมายที่รถทุกคันในประเทศไทยต้องมี ไม่ว่าจะขับรถยนต์ส่วนตัว รถมอเตอร์ไซค์ หรือรถบรรทุก เพราะนี่คือหลักประกันขั้นต่ำสุด ในการดูแลผู้ประสบภัยจากอุบัติเหตุทางรถยนต์โดยสิ่งที่ พ.ร.บ. คุ้มครอง มีดังนี้
- 1. ค่ารักษาพยาบาล หากมีการบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ พ.ร.บ. จะคุ้มครองค่ารักษา สูงสุดไม่เกิน 80,000 บาทต่อคน
- 2. เงินชดเชยกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ โดยจะให้เงินชดเชยสูงสุด 500,000 บาท
- 3. ช่วยเหลือผู้ประสบภัยทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นคนขับ ผู้โดยสาร หรือคนเดินถนน
แต่ข้อจำกัดของ พ.ร.บ.รถยนต์ คือ จะให้ความคุ้มครองแค่ค่ารักษาพยาบาลและความเสียหายต่อชีวิตเท่านั้น ไม่รวมความเสียหายของรถหรือทรัพย์สิน
ประกันรถยนต์ คืออะไร?
ประกันรถยนต์ เป็นประกันเสริมหรือที่เรียกว่า ประกันภัยภาคสมัครใจ ที่เจ้าของรถเลือกซื้อเอง เพื่อเพิ่มความคุ้มครองที่ครอบคลุมกว่า พ.ร.บ.รถยนต์ โดยสิ่งที่ประกันรถยนต์คุ้มครอง จะขึ้นอยู่กับประเภทประกัน ดังนี้
- 1. ความเสียหายต่อรถยนต์ เช่น รถชน รถพลิกคว่ำ หรือโดนขีดข่วน
- 2. ความเสียหายต่อรถยนต์และทรัพย์สินของคู่กรณี ไม่ว่าจะเป็นรถ บ้าน หรือทรัพย์สินอื่น
- 3. คุ้มครองรถหายหรือไฟไหม้ ในกรณีรถถูกโจรกรรม หรือเกิดเหตุไฟไหม้
- 4. ความเสียหายจากภัยธรรมชาติ เช่น น้ำท่วม หรือพายุลูกเห็บ
พ.ร.บ. และประกันรถยนต์ ต่างกันยังไง?
พ.ร.บ.และประกันรถยนต์ แตกต่างกันด้วยข้อบังคับในการทำ, ความคุ้มครอง และวงเงินคุ้มครอง โดยมีรายละเอียดดังนี้
หัวข้อ พ.ร.บ.รถยนต์ ประกันรถยนต์ ข้อบังคับ กฎหมายบังคับต้องมี เลือกซื้อได้ตามความต้องการ
คุ้มครองอะไร ชีวิตและค่ารักษาพยาบาล รถ ทรัพย์สิน และชีวิต
วงเงินคุ้มครอง จำกัดตามกฎหมายกำหนด ขึ้นอยู่กับแผนประกันที่เลือก
ทำไมต้องมีทั้ง พ.ร.บ. และประกันรถยนต์?
- ปกป้องตัวเองและคู่กรณีได้ครบทุกด้าน โดย พ.ร.บ. เน้นคุ้มครองชีวิต แต่ประกันรถยนต์ช่วยคุ้มครองทรัพย์สินและความเสียหายที่เกิดจากอุบัติเหตุ
- ลดภาระค่าใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉิน หากเกิดอุบัติเหตุและรถเสียหาย ค่าใช้จ่ายอาจสูงถึงหลักแสน การมีประกันรถยนต์ช่วยลดภาระตรงนี้ได้
- เหมาะกับความเสี่ยงในการใช้รถ ถ้าขับรถในเมืองใหญ่ที่มีโอกาสเกิดอุบัติเหตุสูง การมีประกันรถยนต์จะช่วยให้อุ่นใจมากกว่า
ควรเลือกประกันรถยนต์แบบไหนดี?
- ประกันชั้น 1ให้ความคุ้มครองครบทุกด้าน รถคุณ รถคู่กรณี และภัยธรรมชาติ เหมาะกับรถใหม่หรือรถที่ใช้งานบ่อย
- ประกันชั้น 2+ และ 3+ ให้ความคุ้มครองรถคู่กรณีและบางกรณีรถของผู้ทำประกัน เหมาะกับรถที่ใช้งานไม่บ่อยหรือผู้มีงบประมาณจำกัด
- ประกันชั้น 3 ให้ความคุ้มครองแค่คู่กรณี เหมาะกับรถที่มีอายุมากหรือใช้งานน้อย
จากความแตกต่างของพ.ร.บ.รถยนต์ และประกันรถยนต์ โดยเฉพาะในเรื่องของความคุ้มครองที่ พ.ร.บ. คุ้มครองแค่ชีวิตและค่ารักษาพยาบาล แต่ไม่ครอบคลุมค่าเสียหายของรถหรือทรัพย์สิน ทำให้จำเป็นต้องมีประกันรถยนต์เพิ่มเติม เพราะการมีประกันรถยนต์ ช่วยเสริมความมั่นใจและลดความเสี่ยงในชีวิตประจำวันให้กับผู้ขับขี่ได้ อย่าลืมเลือกซื้อให้ครบและเหมาะสมกับความต้องการ
ขอขอบคุณบทความดีๆ จาก สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) และ Toyota Leasing Thailand
ทั้งนี้ หากต้องการต่อ พรบ. ภาษีรถยนต์ หรือทำประกันภัยรถยนต์เพื่อความปลอดภัย อุ่นใจทุกเส้นทาง
สามารถติดต่อได้ที่ โตโยต้าแก่นนคร โทร. 043-333-444
หรือติดต่อ TKN Insurance Broker โทร : 043-333-444 (ต่อ 520-521) , 088-571-1339, 081-739-6600
☑️ เรามีแบรนด์ประกันภัยชั้นนำกว่า 16 แบรนด์ ที่ร่วมรายการ
☑️ ซื้อง่าย จ่ายงวดแรก คุ้มครองทันที
☑️ ผ่อน 0% นาน 10 เดือน
☑️ มีรถใช้ระหว่างซ่อม
☑️ มีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชม.
☑️ มีบริษัทประกันภัยชั้นนำให้เลือกหลากหลาย
☑️ บริการรวดเร็ว
☑️ กรมธรรม์ส่งฟรีถึงบ้าน
☑️ ซ่อมศูนย์ 8 ปี
สำหรับติดต่อช่องทางออนไลน์ทักมาที่เพจ Facebook Toyotakaennakorn หรือ Add LINE @TOYOTAKAENNAKORN หรือ นัดหมายออนไลน์ คลิกเลย